วันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

THE GREAT CHOLESTEROL CON (ความจริงอันหลอกลวง เกี่ยวกับ คลอเลสเตอร์รอล )

THE GREAT CHOLESTEROL CON
  Dr.Malcolm KenDrick

Dr.Malcolm Kendrick ได้เขียนหนังสือ ชื่อว่า THE GREAT CHOLESTEROL CON ที่มีความหมายว่า การหลอกลวงครั้งยิ่งใหญ่เกี่ยวกับ คลอเลสเตอร์รอล

หนังสือเล่มนี้ได้พูดถึง เกี่ยวกับ ความเชื่อเดิมๆที่เชื่อว่า สาเหตุ สำคัญของการเป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือด หัวใจ และ สมอง นั้นมีสาเหตุมาจาก คลอเลสเตอร์รอล แต่ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีความจริงอยู่เลย 

ในการวิจัย และ การเก็บข้อมูลในยุคปัจจุบัน ได้มีการหาคำตอบ เกี่ยวกับเรื่องนี้ โดย ทำการสำรวจจาก ประเทศ และ ชนชาติ ที่มีระดับ คลอเลสเตอร์รอล ที่ต่างกัน ตัวอย่าง เช่น 

ชาว Aboriginals ที่มีระดับ คลอเลสเตอร์รอล ต่ำ มาก เรียกว่า ต่ำที่สุดในโลก 4.9 มิลลิโม ต่อเดซิลิตร หรือ 140-150 ต่อ เดซิลิตร แต่กลับมีประชากร เสียชีวิต ด้วยโรคหัวใจสูงที่สุดในโลก

ชาว Switzerland มีระดับ คลอเลสเตอร์รอล สูง ที่สุด แต่กลับพบว่า มีประมาณการเสียชีวิต ด้วยโรคหัวใจที่ต่ำ มาก

ใน Finland พบว่า คนที่มีคลอเลสเตอร์รอล ต่ำ เสียชีวิต มากกว่า คนที่มีคลอเลสเตอร์รอล สูงกว่า ถึง 2 เท่า 



ถ้าคนอายุต่ำกว่า 50 ปี ลงมา ถ้ามีคลอเลสเตอร์รอล สูง จะมีความเสี่ยงต่อการเกิด โรคหัวใจ แต่หลังจาก ที่อายุ 50 ปีไปแล้ว คลอเลสเตอร์รอล สูง ไม่มีผลต่อการเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ แต่สัมพันธ์ว่า หาก คลอเลสเตอร์รอล ลดลง ความเสี่ยงเรื่องโรคหัวใจ จะเพิ่มขึ้นทันที ทุกๆ 10 มิลลิกรัม ที่ลดจะมีความเสี่ยง เพิ่มขึ้น 11 %

คลอเลสเตอรอลเป็นแหล่งผลิต ฮอร์โมน น้ำดี เยื่อหุ้มสมอง  วิตามินดี ฉนวนหุ้มปลายประสาท ถ้าร่างกายมีคลอเลสเตอร์รอล ลดลง เราจะผลิต สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ ประมาณคลอเลสเตอร์รอล จะมีได้มาก หรือน้อย เราจะดูที่ ปริมาณ HDL คือไขมันที่สังเคราะห์ ออกมาจากตับเช่นกัน  เพราะ มันทำหน้าที่ กวาด คลอเลสเตอร์รอล ที่อยู่ในหลอดเลือด มาสังเคราะห์ฮอร์โมน ต่างๆ ที่ตับ  ถ้าหากมี HDL มากก็ไม่มีความจำเป็นต้องกลัว คลอเลสเตอร์รอล

ถ้าจะมีความเสี่ยง เรื่อง คลอเลสเตอร์รอล ต่อการเกิดโรคหัวใจ คือ การมีคลอเลสเตอร์รอล เกินกว่า 5 เท่า ของ HDL ถ้าต่ำกว่า 4.6 ก็ถือว่าปลอดภัย ดังนั้น ความสำคัญ คือการ มีปริมาณ HDL ที่มากสามารถช่วยให้เราเผาผลาญ คลอเลสเตอร์รอล ได้โดย การออกกำลังกาย ดื่มน้ำมันมะพร้าว เพิ่มการเผาผลาญ คลอเลสเตอร์รอล มาเป็นพลังงาน เป็นน้ำดี เป็นฮอร์โมนต่างๆ



การเกิด โรคเส้นเลือดหัวใจ ในความเป็นจริงแล้ว เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต ของเรามากกว่า ที่ทำให้เกิดกลุ่มโรคที่เรียกว่า NCD

NCD คือโรคร้ายที่เราสร้างเอง(โดยพฤติกรรมการกิน การอยู่ของเรา) สามารถป้องกัน และ ลดความเสี่ยง โดยการปรับเปลี่ยน พฤติกรรมการกิน
การทานยาลดไขมัน เกิดผลเสีย ทำให้ปวดกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดโรค กล้ามเนื้อ สลายทำลายประสาท สูญเสีย ความทรงจำ มึนงง เวียนหัวเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง มีโอกาสเป็นโรค หัวใจเพิ่มขึ้น  3 เท่า มีโอกาสเป็นโรค เบาหวาน เพิ่ม 27% 

พฤติกรรมการบริโภค ที่ทำให้เกิดโรคเช่นการ ใช้น้ำตาลจากกระบวนการอุตสาหกรรม ไม่ได้รับ น้ำตาลจากธรรมชาติ 

น้ำตาล จากอุตสาหกรรม  เมื่อเข้าสู่ตับ ตับจะเปลี่ยน เก็บสะสมในรูป ไตรกลีเซอร์รัย และเปลี่ยนเป็นไขมัน เป็นคลอเลสเตอร์รอล ร้าย ที่ลอยอยู่ในเลือด ไม่ได้เกิดจากการที่ตับ สร้างคลอเลสเตอร์รอล ดีๆไว้ซ่อมแซมร่างกาย

คลอเลสเตอร์รอลไม่ใช่สาเหตุการ ตายจากโรคหัวใจ เด็ดขาด

คลอเลสเตอร์รอล ไม่ใช่ผู้ร้าย ที่ทำให้เกิดโรคหัวใจ แต่เกิดจาก พฤติกรรมการกิน
สาเหตุโรคหัวใจ
1.ความเครียดความรีบเร่ง ความโกธร ความตื่นเต้น การแข่งขัน การกดดัน การสูญเสีย น้อยเนื้อต่ำใจ  ต่อมหมวกไต จะผลิตฮอร์โมน ทำให้หัวใจเต้นแรงๆๆๆ
2.ผนังหลอดเลือด เกิดการอักเสบ ติดเชื้อแบคทีเรีย ในช่องปากหลุดเข้าสู่เส้นเลือด จู่โจมผนังหลอดเลือดทำให้อักเสบ  การอมน้ำมันมะพร้าว ก่อนนอน และ ตื่นนอน ช่วยฆ่าเชื้อโรคในปาก ไม่ให้เป็นโรคหัวใจได้ 50%
3.ไตรกลีเซอร์ไรด์ สูง เกิดจากการกินน้ำตาล มากจนเสพติด เช่น น้ำอัดล ขนมหวาน ที่ผลิตจากอุตสาหกรรม ทำให้เกิดโรคหัวใจวาน เส้นเลือดอุดตัน
การแพทย์เริ่มรู้แล้วว่า ไตรกลีเซอร์ไรด์ ไม่ได้เกิดจากการกินไขมัน แต่เกิดการกิน น้ำตาลที่ผลิตจากกระบวนการอุตสาหกรรม ที่มากเกินไป
สารทดแทนความหวาน เข้าสู่ตับ ตับเห็นว่าเป็นสารพิษ เลยเปลี่ยนให้เป็น ไตรกลีเซอร์ไรด์ เก็บไว้ก่อน แล้วหลังจากนั้นก็เอาไป เปลี่ยนให้เป็นไขมัน ตัวนี้แหล่ะที่ทำให้เกิดการอุดตัน เป็นโรคหัวใจ
4.ทานไขมันไม่อิ่มตัว น้ำมันพืชขวดสีเหลือง ที่ผ่านกระบวนการผลิต ใช้ความร้อน และ เคมี ไขมันจากมะพร้าว จาก น้ำมันหมู ไม่เป็นไร  กรดไขมัน ไม่อิ่มตัวจึงเหม็นหืน อิ่มตัวง่าย จึงเติมสารเคมีไม่ให้เห็นหืน จึงทำให้เกิดเป็นไขมัน ทรานส์ ที่ทำให้เกิด โรคหลอดเลือดหัวใจ ไปอุดตัน  แต่บ้านเรามี น้ำมันที่ดีกว่าคือ คือ virgin coconut oil เป็นน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น เป็นไขมันอิ่มตัว ที่มีโมเลกุลเล็ก  เรียกว่า มีเดี่ยมเชนเฟต
สำหรับบทนี้ ผมพูดถึง การวิจัย และ ความเชื่อ ที่เป็นปัจจุบัน ความเชื่อเดิมที่ว่า คลอเลสเตอร์รอล เป็นอันตรายนั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด หากมี HDL ที่สูง ก็ไม่มีความจำเป็นต้องกลัว การมีคลอเลสเตอร์รอล ดังนั้น หากเราไปตรวจเช็ค ปริมาณ คลอเลสเตอร์รอล ก็ขอให้ คำนึงถึงปริมาณ ของ HDL ด้วยหาก คลอเลสเตอร์รอล มีไม่เกิน 4.6 เท่าก็ยังถือว่า ปลอดภัย สิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่ความรู้ใหม่ แต่เป็นความรู้ที่ ขัดกับความเชื่อเดิม หลายคนอาจจะถามว่า แล้ว รณรงค์ ให้กินน้ำมันหมู กินพวกคลอเลสเตอร์รอล แล้วไม่อ้วนหรือไง ต้องบอกว่า ความอ้วน ไม่ขึ้นกับว่า กินอะไร แต่ขึ้นกับว่า กินเท่าไหร่ หากเรา กิน ไม่เกินกว่าที่ร่างกายนำไปใช้ เป็นพลังงานได้ เราก็ไม่อ้วน อยากให้เข้าใจ เสียใหม่ นะครับ 

ผมเคยเจอ เทรนเนอร์ คนนึง ถามว่า เค้า อ้วนจากการกิน เวย์โปรตีน ซึ่ง ผมก็ตอบเรื่องนี้ไป ให้เค้าฟัง แต่ผมยังไม่อยากเล่า ตรงนี้ อยากจะเอาไป เล่าใน บทความต่อๆไปดีกว่า ว่าที่ว่า กินเวย์แล้วมัน อ้วน มันจริงไม๋  ในบทนี้ผมก็ขอฝากไว้ประมาณนี้นะครับ

ขอบพระคุณครับ


sarah grace