วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2558

แคลอรี่ คือ อะไร และ ร่างกาย นำไปใช้อะไรบ้าง


เคยมีคนถามผมว่า แคลอรี่ คือ อะไร แล้วทำไม จะต้องใช้ แคลอรี่ ในการวัด ว่า อะไร ให้พลังงานเท่าไหร่

แคลอรี่ คือ อะไร

แคลอรี่ คือ หน่วยวัดพลังงาน ที่เรา บริโภค เข้าไป แคลอรี่ใหญ่ ( Large calorie ) กำหนดให้เป็นปริมาณของพลังงาน ที่ต้องใช้เพื่อเพิ่ม อุณหภูมิของน้ำ หนึ่งกิโลกรัม  ให้มี อุณหภูมิเพิ่มขึ้น 1 องศา 

เราใช้ แคลอรี่ เป็นหน่วยวัด พลังงาน ความร้อน ของอาหาร เพื่อที่จะได้เข้าใจได้ง่าย ว่า เมื่อเรากินอาหารเข้าไปแล้ว ร่างกาย ได้เปลี่ยนพลังงานนั้น เป็นพลังงาน ที่มี หน่วยวัด เป็นความร้อน ได้เท่าไหร่ ซึ่งมันจะง่ายกว่า ถ้าเรา สามารถวัดมันได้จาก การกำหนด อะไรสักอย่าง ดีกว่า ที่จะไม่รู้อะไรซะเลย ซึ่งความร้อน ก็เป็นหน่วยวัด พลังงาน ที่เรานำมาใช้ ว่า  1 kcal คือ พลังงานที่สามารถ เปลี่ยนอุณหภูมิ น้ำ 1 หยด ให้อุ่นขึ้น 1 องศา

พลังงาน ที่เรา มีหน่วย วัด เป็นแคลอรี่ เพราะ เป็นหน่วยวัด พลังงาน ที่วัดจากการ เผาผลาญ พลังงานของร่างกาย ให้เป็นพลังงาน ขับเคลื่อน ร่างกาย


พลังงานที่เราได้รับ ถูกนำไปใช้ 3 อย่าง
1.( Digestion) พลังงาน 10% ที่ได้จาก อาหาร นั้นเราจะใช้ไปในการ ย่อยอาหาร นั่นเอง ซึ่ง บางกลุ่ม ก็นะนำ เทคนิคการ ใช้พลังงาน ในการย่อยอาหาร มาช่วย ในการลดไขมัน โดยการ ทานเนื้อสัตว์ให้มาก เพราะ เมื่อเรา ย่อย อาหาร ที่ย่อยยาก ร่างกายใช้พลังงาน จากไขมัน เป็นส่วนมาก ในการย่อย คนที่อ่าน อาหาร ที่ย่อยยาก อยู่ท้องได้นาน อย่างเนื้อสัตว์ จึงใช้ไขมัน ได้ดีกว่า

2.(Physical Activity) พลังงาน 20%พลังงานที่ใช้ ไปในการ เคลื่อนไหว และ ปฏิกิริยา ทาง ฟิสิกค์ ของสิ่งที่มีชีวิต คือพลังที่เราใช้ ทำกิจกรรม ต่างๆนั่นเอง 

3.(Basic Functions) 70% สนับสนุนหน้าที่หลัก ของอวัยวะ และเนื้อเยื่อ พลังงานส่วนใหญ่ ของอาหารที่เรากินเข้าไป นั้น จะถูกนำไปใช้ในกระบวนการ ของร่างกาย นั่นหมายความว่า ถ้าร่างกาย เรามี เนื้อเยื่อมาก เช่น เรามีการเพิ่มกล้ามเนื้อ เข้าไป ก็จะมี การใช้พลังงาน ส่วนนี้มากขึ้น นั่นเอง 


Basic Funtions เป็น พลังงานจากอาหาร ที่เป็น พลังงานส่วนมาก ที่เรานำไปใช้ ซึ่งก็จะมีความสอดคล้อง
ประสาน กับ ( Bacsl Metabolic Rate ) หรือ ที่เรามักเรียกกันว่า อัตราเผาผลาญ ( BMR ) ซึ่งในแต่ละคน ก็จะมีความแตกต่างกัน 

การรับ แคลอรี่ ที่เท่ากัน นั้นไม่ได้หมายความว่า จะได้รับพลังงานเท่ากันทุกคน


- อาหารที่มีกากใยมากกว่า ให้แคลอรี่ เท่ากัน แต่กลับ ให้พลังงานที่น้อยกว่า ยกตัวอย่าง  ข้าวกล้อง 100 kcal กับ ข้าว ขาว 100 kcal ให้แคลอรี่ เท่ากัน แต่ การให้พลังงาน ต่างกัน เพราะ อาหารที่ย่อยช้า กว่า ให้พลังงานทีละน้อย ร่างกายใช้เวลา ย่อยมากกว่า ใช้พลังงานมากกว่า เหลือเป็น พลังงานจริงๆ จึงน้อยกว่า 

- อาหารอย่างเดียวกัน แต่ละคน ก็อาจจะไม่ได้รับ แคลอรี่ในประมาณที่เท่ากัน สิ่งที่ต่างกันอย่างระดับ เอนไซม์ แบคทีเรียในลำไส้ หรือ แม้กระทั้งความยาวของลำไส้  หมายความว่า ความสามารถของแต่ละคน ที่จะสกัด พลังงานจากอาหาร แตกต่างกัน เล็กน้อย

(Calories Need For Survival) จำนวนแคลอรี่ ที่เราต้องการ เพื่อความอยู่รอด 

คำแนะนำอย่างเป็นทางการ ถึง แคลลอรี่ ที่คนทั่วไปต้องการในแต่ละวัน 2000 สำหรับ ผู้หญิง และ 2500 สำหรับ ผู้ชาย แต่การประเมินนั้น ขึ้นอยู่กับ ปัจจัย เช่น น้ำหนักเฉลี่ย กิจกรรมทางกาย และมวลกล้ามเนื้อ ฉะนั้น หมายความว่าทุกคนควรตั้งเป้าไว้ ประมาณ 2000 แคลอรี่ งั้นหรือ ไม่จำเป็น ถ้าคุณทำกิจกรรมที่ใช้พลังงานมาก เช่นการปั่นจักรยานระยะทางไกล ร่างกายของคุณอาจจะใช้พลังงานมากถึง 9000 แคลอรี่
ต่อวัน การตั้งครรภ์ต้องการพลังงานมากกว่าปกติเล็กน้อย และคนสูงอายุส่นใหญ่ก็มี อัตราเมตาบอลิซึม ช้าลง พลังงานถูกเผาผลาญช้าลง จึงต้องการ แคลอรี่ น้อยลง และนี่เป็นอีกอย่างหนึ่งที่คุณควรทราบ ก่อนที่คุณจะเริ่มนับแคลอรี่


แต่เราจะ มาคำนึงถึงแต่ว่า อาหารให้ แคลอรี่ เท่าไหร่ นั้น ไม่ได้ เพราะ อาหารบางชนิด ให้พลังงานที่มากก็จริง แต่ก็ มีสารอาหาร ที่จำเป็น การเลือกแต่ อาหารที่มีพลังงานที่น้อย ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง แต่เราต้องคำนึงถึง ปัจจัยอื่นด้วย เช่น สารอาหาร หรือ ชนิดอาหาร ความหลากหลายในการบริโภค หากเรา คำนึงถึงแต่ พลังงานของอาหารที่ได้ เราทานอาหาร ที่มีความหลากหลาย น้อยเกินไป ร่างกาย ก็มีโอกาส ได้รับ สารอาหาร ที่ครบได้ยาก ดังนั้น ควรที่จะ คำนึง สิ่งอื่น ที่มากกว่า kcal ด้วย 



Brooke Ence