วันพุธที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Fast-5 Diet ไดเอต ฉบับ Dr.Bert Herring ทำไม อินซูลิน จึงเป็นปัญหา


 

Fast-5 Diet ไดเอต ฉบับDr.BertHerring

ไดเอต รูปแบบของการ อดอาหาร เป็นช่วงๆ การอดอาหารในรูปแบบ ของ Dr.Bert Herring ได้เริ่มต้นมาจาก การศึกษา ถึงการควบคุมระบบ เมตาโบลิก ของมนุษย์โดยอ้างอิงถึง การควบคุม ระบบเผาผลาญ โดยมีความพยายาม ควบคุม ปริมาณ และ ระยะเวลาที่ อินซูลิน จะสามารถอยู่ใน กระแสเลือด ให้มีระยะ ไม่เกิน 7 ชั่วโมงต่อวัน โดยจะเริ่มนับระยะเวลาเริ่มจาก การเริ่มทานอาหาร ไปจนถึง ระยะเวลาสิ้นสุด การทานอาหาร 5 ชั่วโมง โดยให้นับรวม 2 ชั่วโมงหลังจากช่วงเวลาการทานอาหารสิ้นสุดลงด้วย 2ชั่วโมง เนื่องจาก อินซูลิน ยังคงทำงานอยู่ในกระแสเลือด รวมเป็น 7 ชั่วโมง

เนื่องจาก อินซูลิน มีหน้าที่ ในการ กักเก็บไขมัน ไว้ในเนื้อเยื่อไขมัน ดังนั้น การที่ให้ ควบคุม อินซูลิน
ให้ออกมาในช่วงเวลาที่กำหนด ก็ย่อมมีผลต่อการเก็บสะสมไขมัน ให้อินซูลินมี ช่วงเวลาในการ เก็บไขมัน ในร่างกายที่สั้นลง และในช่วงที่อดอาหาร ก็จะ ให้ตับอ่อน ทำหน้าที่ดึงเอา ไขมัน มาเป็นพลังงานใช้ในร่างกาย แทน กลูโคส โดยตับอ่อนจะ ผลิต คีโตน ออกมาเป็นพลังงานให้กับร่างกาย และ ผลิต กลูโคส ให้กับสมอง ซึ่งเป็นระบบที่ ร่างกายจะเปลี่ยนรูปแบบการใช้ พลังงานจาก กลูโคส ที่ได้จาก อินซูลิน ไปใช้พลังงาน ไขมัน แทน

แนวคิดในการควบคุม อินซูลิน เป็นแนวคิด ที่มีอยู่ใน การ ไดเอต อย่างเช่น atkins diet, dukan diet,intermitten fasting อีกหลายๆสูตร ไดเอต

การควบคุมอาหาร แบบ อดอาหารเป็น ช่วงเวลา นี้ เราจะเรียกกันว่าIntermittent Fasting ซึ่งในรูปแบบ ของ Dr.Bert Herring
เป็นการจัดสรรค์ ช่วงเวลา ออกเป็น เวลาที่ ทานอาหาร และเวลา อดอาหาร เวลาอดอาหาร 19 ชั่วโมง กินอาหาร 5 ชั่วโมง แต่ถ้าหาก ทำแล้ว ไม่รู้สึกดี จะปรับลด เวลาอดอาหาร เหลือ 17 ชั่วโมงก็ได้ ไม่ว่ากัน


กลไกการทำงานของ อินซูลิน ที่ทำให้ นักวิทยาศาสตร์ คิดว่ามีปัญหา คือ กลไก ของอาการดื้อ อินซูลิน ในสมัยก่อน นักวิทยาศาสตร์ ยังไม่ทราบว่า เหตุใด คนเราจึงเป็นโรคเบาหวาน เพียงแต่แค่รู้ว่า ลักษณะของอาการ โรคเบาหวานคือ ปัสสาวะบ่อย แต่ด้วยวิทยาการในสมัยนั้นยังไม่ก้าวหน้าเพียงพอ จึงใช้วิธีนำเอา ฉี่ ของผู้ต้องสงสัย ไปตากจนแห้ง แล้วให้นักวิทยาศาสตร์ ชิมรสเอา หลายคนอาจจะคิดว่าตลกแต่สมัยก่อนเป็นเช่นนี้จริงๆ เพราะไม่มีวิทยาการใด จะบ่งบอกได้ว่า เป็นเบาหวาน จนในที่สุด แมกคัลสกี้ นักวิจัย ได้ทำการ ทดลอง ตัดตับอ่อนของ สุนัข เพื่อการทดลอง ปรากฏว่า สุนัข เป็นโรคเบาหวาน หลังจากตัดตับอ่อน จึงทำให้เข้าใจว่า ในตับอ่อน ต้องมีสิ่งใดอยู่แน่ๆ จึงทำการทดลอง พบว่า มีอินซูลินอยู่ หากแต่ว่าการสกัดเอา อินซูลินมารักษาโรคเบาหวานในสมัยก่อน ไม่สามารถทำได้ เนื่องจาก มีเซล ที่ย่อยสาร ย่อยโปรตีน เปปติเดด ทำการการย่อย อินซูลินอีกที จึงทำการ สกัดสาร อินซูลิน ไม่ได้ จนในปี 192 เฟดเดอร์ริก เบนติ้ง ก็ได้ทำการ สกัด อินซูลินได้ เป็นผลสำเร็จ และได้รับรางวัลโนเบลจากการ ค้นพบนี้ เมื่อเอาไปทดลอง ในเด็กที่ ตับอ่อนชำรุด ปรากฏว่าได้ผลในการรักษาที่ดี เนื่องจาก เด็กมีอาการ ที่ดีขึ้น แต่เมื่อนำไป ทดลองในผู้ใหญ่กลับพบว่า ไม่ได้ผล เนื่องจาก มีภาวะดื้ออินซูลิน คือมีอินซูลิน ในปริมาณมาก ผิดจากที่ นักวิทยาศาสตร์คิดไว้ ว่า เบาหวาน เกิดจากภาวะ ขาดอินซูลิน แต่ผลที่ได้ กลับผิดคาด ปรากฏว่า ตัวอย่างการทดลอง มีปริมาณ ของอินซูลินที่มาก กว่าคนปกติ 2-3 เท่า แต่กลับเป็นเบาหวาน เนื่องจาก ภาวะ ที่ร่างกาย ดื้อต่ออินซูลิน อินซูลิน ไม่สามารถทำงาน โดยการ เปลี่ยนสภาพ คาร์บ ไปพลังงานได้ จึงเกิดเป็นเบาหวาน ทั้งหมดนี้ จึงเป็นที่มาส่วนหนึ่ง ของการ ไดเอต ทั้งหลาย ที่พยายาม จัดการกับ อินซูลิน โดยให้ อินซูลิน มีระยะเวลาการทำงานที่สั้นลง ผลิต น้อยลง เพราะเชื่อว่า การที่ อินซูลินมีการผลิตมาก ผลิตบ่อย ทำให้ร่างกาย ดื้ออินซูลิน เป็นผลให้เป็นเบาหวาน โรคอ้วน ซึ่งทำให้เกิดภาวะ เมตาโบริกซินโดรม (metabolic syndrome) ซึ่งคือกลุ่มอาการ ความบกพร่องจากระบบเผาผลาญ เช่นโรคอ้วน โรคเบาหวาน นอกจากนั้น การเกิดภาวะ อินซูลิน ไม่สามารถรักษาระดับ น้ำตาลในเลือดได้ทำให้ เกิดสารร่องลอย ไม่มีการจัดเก็บ ทำให้เกิดภาวะมะเร็ง และ อักเสบภายในร่างกาย อีกด้วยซึ่งถือว่า ทั้งหมดนี้เกิดจาก Metabolic SynDrome ซึ่งทั้งหมดนี้คือ ที่มาของการ พยายามควบคุม อินซูลิน ในไดเอต แบบ Fast-5,atkins,dukan และอื่นๆอีกมากมาย
 
หลักการ Fast-5

1.อดอาหาร 19 ชั่วโมง ทานอาหารได้ 5 ชั่วโมงต่อวัน

2.ใช้การ ค่อยเป็นค่อยไป ในการ พยายาม เลื่อนมื้ออาหาร เช้าไปเรื่อยๆ  ทานได้จำนวนไม่จำกัด ไม่จำกัดมื้อด้วย แต่ขอให้อยู่ในช่วงเวลา

3.ทานอาหารอะไรก็ได้ จำนวนเท่าใดก็ได้ กี่มื้อก็ได้ในช่วงเวลาที่กำหนด 5 ชั่วโมง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า กินแหลก ควรกินให้พอเพียงต่อความ ต้องการของร่างกาย ถึงจะไม่ได้ระบุว่าให้กินได้แค่ไหน แต่ก็ไม่ควรน้อยเกินกว่า 1200 -1400 kcal  แต่ก็ ไม่ควร เกินกว่าความต้องการมาก เพราะควรจำไว้ว่าเรากำลัง ไดเอต

4.ทานอาหาร 17.00 - 22.00 ถือเป็นช่วง  Action loss ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด เนื่องจาก เป็นช่วง หลังเลิกงาน ทุกคนพร้อมจะ พักผ่อนแล้ว แต่หากสะดวกในเวลาอื่น ก็สามารถ เลื่อนเป็นเวลาอื่นได้


การเลื่อนมื้ออาหาร

วิธีการ ไดเอต ในรูปแบบนี้ มีเป้าหมาย ในการจำกัด และควบคุมอินซูลิน ให้มีช่วงเวลา
ที่อยู่ในกระแสเลือด ให้สั้น ที่สุด และปริมาณ ที่ออกมาทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ในช่วง
เวลาของมัน จะไม่มีการกิน หลายมื้อ เพราะมองว่า การทานหลายมื้อ ทำให้ อินซูลิน ออก
มาบ่อย พร่ำเพรื่อ เกินไป ทำให้คุณภาพ อินซูลิน ต่ำลง เนื่องจาก หาก อินซูลิน มีชั่วโมง
การทำงานในกระแสเลือดมาก ก็จัดเก็บไขมัน มากด้วย เมื่อไขมัน มีมาก ทั้งนี้ หมายถึง 
ไขมันที่เกิดจาก การแปรสภาพ มาจากแป้ง และน้ำตาล เราไม่นับรวม สารอาหารประเภท
ไขมันที่เราทานเข้าไป เพราะผลการวิจัย พบแล้วว่า สารอาหารประเภทไขมัน หรือที่เรียกว่า
ไคโรไมคลอน จะถูกน้ำดี ขับออกมา ในเวลาไม่เกิน 8 ชั่วโมง แต่ไขมันที่สะสมในร่างกาย
ของเรา มาจากไขมัน ที่เกิดจากการ กักเก็บของ อินซูลินทั้งสั้น ดังนั้น ระยะเวลา ในการ
รวบ เวลา เพื่อให้ อินซูลิน ออกมาในเวลาที่จำกัด จึงมีความสำคัญ 

วิธีการเลื่อนมื้ออาหาร หากจะแนะนำวิธีการเลื่อนมื้ออาหาร เพื่อให้ ระยะเวลา ทานอาหาร
เป็นไปตามสูตร ของ Fast-5 แนะนำให้ พยายาม เลื่อนมื้ออาหารเช้า ออกไป ทีละ 30นาที
หรือ ทีละ 1 ชั่วโมง โดยพยายามรวบ มื้อ อาหารไปก่อน เช่น หากว่าเราทานเช้า 8 โมง
เราก็ไปทาน 8.30 ปรับไปทีละ 30 นาที จนกว่าจะ ไปชน เวลาอาหารเที่ยง แล้วเราก็ รวบ
มื้ออาหารเที่ยง เป็นมื้อเดียวกับ มื้อเช้า เราก็ทำการรวบ มื้ออาหาร ไปอีกทีละ 30 นาที จนไป
ชนเวลา 17.00 เราก็ รวบเวลาทาน เป็น 17.00 - 22.00 ทานกี่มื้อก็ได้ ซึ่ง การรวบมื้ออาหาร
ในตอนแรก อาจจะ ทาน 3 มื้อ 3 ช่วงเวลาไปก่อน แล้วค่อยๆรวบ เป็น 2 มื้อ สองเวลา แล้วปรับ
เป็น 1 ช่วงเวลา กี่มื้อก็ได้ ตามสูตร จะทำให้ ไม่ยากจนเกินไป ไม่แนะนำการหักดิบ

สำหรับหลักการ ของ Fast-5 นั้น อาจจะดูโหด แต่ในความจริง ในทางปฏิบัตินั้น ไม่ได้
หนักหนา อย่างที่คิดกันนัก เนื่องจาก การไดเอต โดยการ อดอาหาร รูปแบบนี้ จริงอยู่ ว่า
มีเวลา กินอาหารแค่ 5 ชั่วโมง แต่หาก นับรวม เวลาที่ กิน เสร็จแล้ว ไปอีก 2 ชั่วโมง ซึ่ง
อินซูลิน ยังคงทำงานอยู่นั้น ก็รวมได้เป็น 7 ชั่วโมง ที่เราจะไม่หิว  หลังจาก 24.00 ผมนับรวม
2 ชั่วโมงหลังกินไปด้วย เพราะ เราก็ยังเพิ่งกินเสร็จยังไม่หิวแน่นอน 24.00 เราก็นอน ปกติ
ตอนนอนเราก็อดอาหารอยู่แล้ว 8 ชั่วโมง ก็นับจริงๆ เราก็อดอาหารเพียงแค่ 8 ชั่วโมง เท่านั้น

การไดเอต Fast-5 มีข้อห้ามดังนี้คือ

1.ไม่ทำการหักดิบ เราจะไม่ทำการอดอาหาร รวดเดียว เราจะค่อยๆปรับเวลา รวบมื้ออาหาร
ให้เหลือมื้อเดียวอย่างช้าๆ

2.ไม่ทำในคนที่ ป่วย คนท้อง หรือสงสัยว่าท้อง เด็ก ผู้มีโรคประจำตัว ผู้ป่วยเบาหวาน หัวใจ
ความดัน รวมทั้งโรค อื่นๆที่มีความเสี่ยงและห้ามการอดอาหาร

3.การไดเอต รูปแบบ การอดอาหาร อาจมีผลต่อผู้ที่มีความ เซนซิทีฟ ต่อระดับน้ำตาลในเลือด
ที่ต่ำลง จึงควรยอมรับความเสี่ยงตรงนี้ด้วย

ข้อเสียของการ ลดน้ำหนักในรูปแบบ Fast Five นั้นคือ

1.การทานอาหาร โดยไม่จำกัดประเภทของแหล่งอาหาร ทำให้ ร่างกายอาจจะได้รับ ไขมันส่วน
เกินมาได้มาก ทำให้มีปัญหา ต่อหัวใจและหลอดเลือด เนื่องจากสูตรการลดอาหารแบบนี้ ไม่เน้น
การบังคับชนิดอาหาร แต่เจ้าของสูตรก็ได้บอกว่า เมื่อทำการอดอาหาร แรกๆ จะทานทุกอย่าง
ที่ขวางหน้า เพื่อทำการ ทดแทนการอดอาหารที่ผ่านมา แต่เมื่ออยู่ตัวแล้ว การทานจะค่อยๆควบคุม
ได้และทานน้อยลง  แต่ทั้งนี้ก็ควรทานให้เป็นไปตามที่ร่างกายต้องการ สารอาหารต่อวันจริงๆ

2.การควบคุมการทานอาหารแบบนี้ มีผลทำให้ ร่างกายทำงานหนัก เนื่องจากอาหารที่ทานส่วน
ใหญ่ซึ่งจะอยู่ท้องจะเน้นไปที่โปรตีน ซึ่งทำให้ร่างกายเกิดสภาวะ ความเป็นกรดได้ ร่างกายจึง
จำเป็นต้องไปดึง แคลเซียม จาก กระดูกมาทำการ รักษา สมดุลย์ของร่างกาย ทำให้กระดูกพรุน
ตามมาได้

3.คนเราในปัจจุบันมีวิธีชีวิต ที่ไม่สามารถเลือกรับทานอาหาร ตามเวลาที่กำหนดแน่นอน ตาย
ตัวได้ วิถีชีวิตเร่งรีบ กินเวลาไหนได้ก็ต้องกิน

4.หากว่า น้ำตาลในเลือดต่ำลง ในบางคน ไม่อาจทนได้ ก็อาจจะมีอาการ คลื่นไส้อาเจียน และ
หน้ามืดได้ ซึ่ง อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ได้จึงไม่เหมาะกับทุกคน

5.การอัด มื้ออาหาร ไว้ใน ช่วงเวลาเดียว ทำให้ กระเพาะ ต้องทำงานเกินความจำเป็น อาจเกิดกระเพาะ
คราดได้

6.การทานอาหาร ให้สามารถอยู่ท้องได้นาน นั้นจำเป็นต้อง ทานเนื้อสัตว์ แต่การทานเนื้อสัตว์ เป็น
ผลทำให้เกิด กรด ยูริก ซึ่งหาก ร่างกาย ขับไม่ทัน ก็จะทำให้เกิดการตกผลึก ทำให้เกิด โรคเก๊าได้
ซึ่ง เป็นผลต่อเนื่องจากการเป็นโรคหลอดเลือด และ โรคหัวใจอีกต่อหนึ่ง

7.การควบคุมน้ำหนัก หรือไดเอต โดยการเน้นการ จัดการกับ คาร์บ ที่เป็นพลังงานหลักของร่างกาย
แล้วไปใช้ พลังงานจาก คีโตน ที่ผลิตมาจาก ตับอ่อนแทน แล้วให้ตับอ่อน ผลิต กลูโคส ไปเลี้ยงสมอง
อีกที ผมไม่แน่ใจว่า มันจะดีจริงหรือเปล่า 

ในทางปฏิบัติ ก็ต้องถือว่า ความเชื่อในการ อดอาหาร ในรูปแบบ Fast-5 นั้น หักล้าง
ความเชื่อเดิมๆที่ว่า ต้องทานอาหาร 3 มื้อทุกวัน เนื่องจาก ในผู้ปฏิบัติหลายคน สามารถลดน้ำหนัก
ได้จริง และยังมีสุขภาพที่ดี เนื่องจากการอดอาหารในรูปแบบ Intermittent Fasting
ซึ่งมีงานวิจัย มาแล้วว่า การอดอาหาร เป็นช่วงๆ แบบนี้ กลับมีผลดี ทำให้ ร่างกายสร้าง Growth
hormone ซึ่งเป็นฮอโมนแห่งความหนุ่มสาว เพิ่มขึ้น เกิดกระบวนการกินตัวเอง หรือที่เรียกว่า
Autophagy

ส่วนตัว ผมทำ และก็ อาจจะเรียกว่าทำอยู่ แต่ที่ทำ น่าจะเรียกว่า  Intermittent Fasting มากกว่า แต่ Fast-5 ก็เคย ลองทำ แต่รู้สึกว่า ช่วงเวลามันไม่ได้จริงๆ รู้สึกว่า มันหน้ามืด และรู้สึกว่า แรงไม่พอ ออกกำลังกายไม่ไหว แต่ที่ทำอยู่คือ ทำคล้ายๆกัน แต่จะ อดอาหารแค่ 16 ชั่วโมง จะเริ่มทานเช้า แล้ว ทานแบบอัดเลย คือตอนเช้า ผมจะไปวิ่งก่อน 1 ชั่วโมง แล้วก็กลับมา ซัดแหลก ช่วงเวลาทานอาหารของผม ไม่ใช่ 5 ชั่วโมง แต่จะ ราวๆ 7-8 ชั่วโมง  แต่ที่ผมทำ ไม่ได้มีความตั้งใจจะทำ Intermittent Fasting เพียงแต่ ผม เป็นคนมีนิสัย ชอบกิน อาหารแบบอัดแหลก ช่วงเช้า แล้ว พอบ่ายๆ ผมจะไม่หิว
ก็เลยไม่กิน แต่ก็คิดว่า ดีเหมือนกันนะ ลองทำแล้วก็ ok

สรุปได้ว่า การ ไดเอต รูปแบบ Fast-5 เป็นไดเอต ที่มีคนทำแล้ว ประสบผลที่ดี และมี การทดลอง
ที่หักล้างความเชื่อเก่าๆมาแล้วมากมาย แต่ทั้งนี้ ในผู้ที่สนใจจะทำ ขอให้ ทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป และ
ปรับสูตร และช่วงเวลาให้เหมาะกับตนเอง จริงๆ ผมจะบอกว่า หลายคนทำแล้วดีจริงๆ นักเพาะกาย
บางคนก็ทำ การอดอาหาร ในรูปแบบ Intermittent Fasting ใครอยาก ทดลองทำได้
แต่ต้อง ได้รับสารอาหารที่พอเพียง ต่อวันด้วย ไม่ใช่ อดอย่างเดียว และ อย่างอดอาหารเกิน 72 ชั่วโมง
การอดอาหารเป็นช่วงๆแบบนี้ แค่เป็นการ จัดช่วงเวลา รับประทานอาหารใหม่ เพื่อควบคุม การหลั่งอินซูลิน ไม่ใช่วิธีการ อดอาหารแบบ ทานน้อย จนขาดสารอาหาร อย่างที่หลายคนอาจจะเข้าใจกันผิดๆ มันคือ ทาน แต่ทานในช่วงเวลาจำกัด พอเข้าใจนะครับ

สำหรับบทนี้ ผมมีเท่านี้ แต่จริงๆ มันจะมีต่อไปอีก แต่อยากไป เขียนต่อในบทหน้ามากกว่า เพราะมันจะ
เกี่ยวโยงกัน จะพูดถึง การ อดอาหาร แบบ Intermittent Fasting ว่ามันเป็นยังไง มันก็ค่อยๆกับ Fast-5 แต่ก็อยากให้ติดตามกันครับ บทนี้เสริมเรื่อง อินซูลิน นอกเรื่องไปบ้าง อ่านยากหน่อย เข้าใจยากหน่อยก็ขออภัยนะครับ

ขอบพระคุณครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น