วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Caveman Diet

Diet

ในบท ต่อไปนี้ เป็นการพูดถึง Diet ที่เป็นการคุมน้ำหนัก หลายๆ
แบบ ทั้งที่เคยมีการพูดกันมาแล้ว และยังไม่มีการพูดกันมาก่อน ว่า
จริงๆแล้วมันคือ อะไร ยังไงกันแน่ การควบคุมน้ำหนัก ที่ได้ผล ที่มี
คนพูดกัน หนาหู บางทีก็เป็นกระแส อยู่ในสังคม มีการนำเสนอกันตาม
หน้าเวป ว่าสูตรนี้ได้ผลดี ถูกจริตกับเรา แต่จริงๆแล้ว Diet ที่ถูกกับ
เรา ถูกจริต กับเรามันคือ แบบไหน กันแน่

ไดเอต ส่วนใหญ่หากจะมองดูแล้ว จะมีความต่างกันที่ แนวคิด การจัด
สารอาหาร  โดยหลักๆแล้ว รวมๆจะมองว่า คาร์บ คือปัญหา  โดยจะมี
การจัดสัดส่วน ของอาหารใหม่ โดย ที่ผม มองเห็น ส่วนใหญ่จะไปให้ค่า
กับโปรตีน เพราะมองว่า โปรตีน เป็นสารอาหาร ที่อยู่ท้องอิ่มนานร่างกาย
ใช้เวลา และพลังงานในการย่อย ที่นานกว่า สารอาหารอื่น ทั้งยังเป็น วัตถุ
ดิบ ในการสร้างกล้ามเนื้อ ที่มีผลต่อการ สร้างกล้ามเนื้ออีก โดย ไดเอต
ส่วนมากจะเน้นไปในทางนี้คือ จัดการ กับคาร์บ ก่อน แล้วก็ อาจจะมี
แนวคิดในการ แบ่งแยก ช่วงเวลา โดยการนำผลในการวิจัย ทางโภชนา
การมาแบ่งแยก ช่วงเวลา หรือกำหนดการทานอาหาร เป็นช่วงๆ ออกไป
แล้วกำหนดเป็นสูตร แล้วถ้าใครดังหน่อยก็จะเขียนหนังสือขาย  สรุปสูตร
ออกมา หลายคนก็ลดได้ผลตามสูตรนั้นๆ แต่ลืมไปว่า มันอันตรายแค่ไหน
มันก็เหมือนกับการ ทานยาลดน้ำหนัก ที่ไปจัดการกับ ไทรอยซ์ ทำให้
อัตราเผาผลาญเพิ่มมากขึ้น แต่ทำไปนานๆ มารู้อีกทีว่า เราสารพัดโรคเลย
ก็สายเกินกว่าจะแก้แล้ว  แต่ทั้งนี้มันจะเป็นอย่างไรบ้าง ผมก็อยากจะให้
ผู้อ่านได้ลอง วินิจฉัย ด้วยตัวเอง เพราะ หากว่า มันถูกจริต กับ คุณ และ
เป็นประโยชน์ อยากลองทำก็ตามแต่ศรัทธา  คิดแล้วผลเสียที่ได้รับ 
เรารับได้ หากมองดูแล้วหักลบกลบหนี้กันแล้ว ได้มากกว่าเสีย อยากลองทำ
ก็ไม่ว่ากัน ไม่ห้าม เพราะของอย่างนี้ แล้วแต่ จริต คน ไม่เหมือนกัน 
บางคนทำแล้วดี เราจะไปห้ามไปขวางทางบุญเขาได้อย่างไร (พูดซะ
แก่เลย )

มาเข้าเรื่องกันดีกว่าครับ

Palo Diet หรือ เราเรียกกันว่า ไอเอต ยุคหินนั้น มีชื่อเรียก
อยู่หลายชื่อ ด้วยกัน บางคนอาจจะเรียกกันว่า Caveman diet
Paleo Diet,Stone age Diet,Hunter Gatherer
Diet

แต่ที่ผมรู้สึกชอบ และ ถนัดปากจะเรียก ก็น่าจะเป็น Caveman
Diet ในรูปแบบของมนุษย์ถ้ำ เป็นรูปแบบการ ไดเอต รูปแบบหนึ่ง
ที่เป็นทางเลือก สำหรับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก  Caveman Diet
เป็นแนวคิด ที่มีการพัฒนา โดย Walter L.Voegtlin
แต่ก็มีการแตกสูตรออกไปมากมาย กลายเป็น แนวอื่นๆ แต่เท่าที่จะ
สรุปรูปแบบการ  ไดเอต รูปแบบนี้ได้คือ จะเน้นอาหารที่มีการจำลอง
มาจากอาหารของ มนุษย์ เมื่อ 20000 ปีที่แล้วที่ยังคงมีความเป็นสัตว์
ออกล่า อาหารเอง ซึ่ง จากการทดสอบ เปรียบเทียบ อาหารที่มนุษย์ ทุก
วันนี้ ได้รับส่วนมาก จะเป็น คาร์บ และ น้ำตาล เนื่องจาก เป็นอาหาร
ที่มีราคาถูก

อาหารราคาถูก ดังเช่นที่ มีคนเคยบัญญัติ ศัพย์ ไว้ว่า "กลไกเศรษฐิกิจ
มีผลต่อ กลไก ระบบเผาผลาญของเรา " แต่ผม ขอเสริมว่า ในยุคสมัย
แห่ง จักรวรรดินิยมอาหาร ราคาถูก และ รวดเร็ว เช่นนี้ จึงเป็นที่มา
การเจ็บป่วย สารพัดโรค  แนวคิดเช่นนี้เอง จึงเป็นส่วนหนึ่งของที่มา
การไดเอต รูปแบบ Caveman

ในการทดลอง โดยดูจากการโภชนาการ ของ มนุษย์ถ้ำ เมื่อ 20000ปีก่อน
พบว่าอาหารที่มนุษย์ถ้ำได้รับ นั้น เป็นอาหารที่มี ความโดดเด่น ในเรื่อง
ของการสร้างกล้ามเนื้อ  โดยเน้นไปที่อาหาร จำพวกเนื้อสัตว์ และ ผลไม้
พืชผักต่างๆ  โดยพืชผักที่ มนุษย์ถ้ำ ทานกัน เป็นพืชผักที่หาได้ตามพื้นที่
ทั่วไป ไม่ใช่ กากพืช ที่มนุษย์ ทุกวันนี้กินกัน คำว่า กากพืชนี้ หลายคน อาจ
จะไม่เข้าใจ การที่เราทานพืช ที่ผลิต ในดินที่ไม่มีคุณภาพ ดินที่อัด ปุ๋ยเข้าไป
ก็เหมือนการกิน กากพืช กากหญ้า เท่านั้น  การทานอาหารในแบบ Cave
man นั้น จะกินอาหาร โดยดูที่ความเป็นธรรมชาติ ห่างไกลจากการปรุงแต่ง
ไม่ทานโปรตีนจากนม  รวมทั้ง ทานอาหารแค่มื้อเดียวเท่านั้นในช่วงเย็น
พอจะสรุปรูปแบบการทาน อาหาร ของ สูตร Caveman Diet ได้ดังนี้


CaveMan diet ถูก แบ่งออกเป็น ช่วงๆ 3 ช่วงด้วยกัน

ช่วงที่1
 ช่วง1-2สัปดาห์ แห่งการปรับตัว อาหารที่ทานส่วนใหญ่
จะเป็นผักผลไม้ สดๆ ไม่ทานผลไม้แปรรูป ไม่ทานของ หมักดองใดๆ
ยิ่งเป็น ผลไม้ ผักสดๆที่เก็บใหม่ๆได้ยิ่งดี โดยในช่วงเช้า หลังตื่นนอน
ใหม่ๆจะทานน้ำเปล่า แก้วใหญ่ เพื่อทำการล้างพิษ หลังจากนั้น ในช่วง
เช้าระหว่างวัน จะเป็นการอดอาหาร โดยจะเริ่มทานอาหารในช่วงเย็น
เพียงแค่มื้อเดียวเท่านั้น

ช่วงที่2
สัปดาห์ที่ 2-6 เราจะเน้นอาหารไปในทางโปรตีน ธรรมชาติ จากสัตว์
ที่ทานอาหารธรรมชาติ เราจะไม่ทานเนื้อสัตว์ ที่ทานอาหารเม็ด เราจะทาน
เฉพาะอาหารจาก ที่มาจากธรรมชาติเท่านั้น สัตว์ที่กิน ต้องกินอาหาร
ตามธรรมชาติของมัน พวกหญ้า ฟาง เราจะไม่รับสารแปลกปลอมใดๆก็ตาม จากอาหาร
ที่เราทาน เพราะสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้ เป็นที่มาของ อาการผิดปกติ ใน
มนุษย์  ในช่วงเช้า จะทานน้ำเปล่า แก้วใหญ่ ล้างพิษเช่นเดิม หลังจากนั้น
ก็อดอาหารเช่นเดิมในช่วงเช้า แล้ว ก็จะเริ่มทานอาหาร ในช่วงเย็น เพียง
มื้อเดียว โดยอาหารที่เน้นจะเป็นอาหาร จากเนื้อสัตว์  ไข่ ผลไม้ ถั่ว ไม่กิน
มันฝรั่ง ไม่ทาน โปรตีนใดๆก็ตามจากนม

ช่วงที่3
หลังจาก สัปดาห์ที่ 6 จะเป็นช่วงที่ เริ่มอยู่ตัว เราได้ทำการ ไดเอต วิธีนี้
จนรู้สึกได้ว่าเป็นธรรมชาติ ของเราไปแล้ว สูตรอาหารที่กินก็ยังเป็นเช่นเดิม
เพียงแต่ในระหว่างวัน หากหิว เราสามารถ หาเนื้อสัตว์  ปลา เมล็ดพืช
ถั่ว มาทานได้ 

ข้อดี
1.วิธีไดเอต รูปแบบ Cave นี้ จากการทดสอบ พบว่า ผู้ที่ทานอาหาร
ตามสูตรนี้ ได้รับ ไฟเบอร์ประมาณ 100 กรัม ต่อวัน มากขึ้นจาก
อัตราปกติที่ RDI กำหนดเอาไว้ว่าควรได้รับที่ 20-30 กรัมต่อวัน 
ซึ่งในชีวิต มนุษย์ปกติ นั้น จะส่วนใหญ่จะได้รับไฟเบอร์ เพียงวันละ 10
กรัม เท่านั้น เนื่องจาก ไฟเบอร์ เป็นอาหาร ที่ไม่ให้พลังงาน แถมยัง
มีกากใย ช่วยในการ ทำความสะอาดลำไส้ ป้องกัน มะเร็งในลำไส้ได้
จึงเป็นส่วนที่ดี แต่ กากใย นั้นมาจาก อะไร ก็มาจากการทาน ผักผลไม้
ที่ไม่ผ่านการดัดแปลง เราทานสด ทานเปลือกมันด้วย มันก็ได้กากใย
ตามธรรมชาติอยู่แล้ว

2.Micronutrients ซึ่ง เป็น จุลโภชนาสาร ที่มีประโยชน์
ต่อร่างกายใน อัตราที่พอเพียง อีกด้วย รวมทั้งได้รับ Phytochemicals
ซึ่งเป็นสาร เคมี ที่มีใน พืช ช่วยในการ ป้องกันโรคต่างๆ ต้านอนุมูลอิสระ
ได้อีกด้วย พืชผัก ที่ไม่ผ่านกรรมวิธีมาก ก็ย่อมได้รับ สารอาหารที่จำเป็น
มากขึ้นด้วย

3.ทำให้ระดับน้ำตาล ในเลือด เนื่องจาก เป็นการควบคุมปริมาณ อินซูลิน
ที่สมองสั่งออกมา ให้ทำการ รักษาระดับน้ำตาลในเลือด เมื่อทานคาร์บน้อย
อินซูลินก็น้อยไปด้วย ทำให้ ระดับน้ำตาลในเลือดไม่สูง

4.สารอาหารที่ได้ อย่างโปรตีน สร้างกล้ามเนื้อ ทำให้ มีความแข็งแรง
และระบบเผาผลาญดีขึ้นได้ หากมองว่า กล้ามเนื้อ ทำให้ ระบบเผาผลาญ
ดีขึ้น ในมุมนี้ก็มองได้

5.ทานโปรตีนมาก โปรตีนเป็น สารอาหารที่ อยู่ท้อง ใช้พลังงานในการ
ย่อยก็นาน กว่าจะนำไปใช้ได้ ต่างจากคาร์บ ที่ย่อยเร็ว ยิ่งเป็น น้ำตาลเชิง
เดี่ยว อย่างพวกน้ำหวานอีก ยิ่งย่อยเร็วเข้าไปใหญ่

ข้อเสีย

1.การทานอาหารที่เน้น สารอาหาร ประเภท โปรตีน ที่มาก ก็เลี่ยงไม่ได้
ที่ร่างกาย เราจะมีสถานะความเป็นกรด ซึ่งร่างกายในสถาวะ ปกติ ควรมี
ความเป็นด่างเล็กๆด้วยซ้ำ การที่ร่างกายมีสภาวะ ความเป็นกรด นั้นมี
ข้อเสียคือ ร่างกายต้องขจัด กรดออกไป ไม่เช่นนั้น ร่างกายจะไม่สามารถ
รับ แร่ธาตุอย่างแคลเซี่ยมได้ ทำให้ เกิดภาวะกระดูกพรุนได้ จริงๆ ถ้า
ให้พูดมากกว่านี้คือ แม้คุณจะ ทานนม เสริมแคลเซียม ก็ไม่ได้ช่วยเลย
เพราะ การที่ นม มีโปรตีนมาก ถ้าหากเรารับ โปรตีนที่เกินกว่าร่างกาย
ได้รับ แม้ นมนั้นจะมีแคลเซียม แค่ไหน ด้วยความ ที่ แคลเซียม มีความ
เป็นด่าง มาอยู่ในสภาพความเป็นกรด ของร่างกาย ผลที่ได้คือ ร่างกายขาด
แคลเซียม ทั้งที่ กิน นม เสริมแคลเซีมแท้ๆ

2.ไตทำงานหนัก เนื่องจาก ต้องรักษา สมดุลย์ ความเป็นกรด ด่างในร่างกาย
โปรตีน เป็นสารอาหารที่มีความเป็น กรด เพราะมีไนโตรเจนสูง ร่างกายต้อง
ขจัดออก โดยการเปลี่ยนเป็นกรด ยูริก ขับถ่ายออกมาทางปัสสาวะ แต่ถ้าเรา
อยู่ในสภาวะความ เป็นกรด นานๆ จากการทานโปรตีน ผลที่ได้คือ ไตทำงาน
หนักอยางต่อเนื่อง โดยที่เราไม่รู้ตัวเลย ไตทำงานหนัก อันตรายนะ เราไม่ควร
ไปโหลดภาระ เพิ่มให้กับไต โดยไม่จำเป็น เพราะปกติ ไตก็ทำงานหนักอยู่แล้ว

3.การที่จำกัด คาร์บ ทำให้ระดับ น้ำตาลในเลือดต่ำ สมองรับรู้ ได้ช้ากว่า
ความเป็นจริง พอสมองรับรู้ว่า น้ำตาลในเลือดต่ำ มันก็จะหิวตลอดเวลา

4.การทานอาหาร แค่มื้อเดียว ในชีวิตประจำวันที่เราต้องทำงานกันตลอดทั้งวัน
เป็นไปได้ยาก เราไม่ได้ กลับบ้านแล้ว นอนเลยเหมือนสมัยก่อน ที่ มนุษย์
ออกล่าสัตว์ แล้วเข้าถ้ำนอนได้เลย เราต้องกลับมาทำงาน ทำการบ้าน เลี้ยง
ลูก ต้องใช้แรงต่อไปอีก ทั้งเช้า ทั้งเย็น การอดอาหารเช้าแล้วเรายังต้องโหน
รถเมล์ ดีหน่อย ก็ ขับรถเอง แต่ก็ต้องไปรถติด หงุดหงิดอีก หิวอีก ไหวเหรอครับ
ที่จะทานอาหาร มื้อเย็นมื้อเดียวแบบนี้

5. การทานอาหารมื้อเดียว มากๆทีเดียว ที่แทบจะเรียกได้ว่า อัดกันเข้าไป
มันมีผลให้ กระเพาะ ทำงานหนักกว่าปกติ ที่กระเพาะ จะทำงาน เพียงแค่
30 %ของความจุที่มันทำได้ ต้องมาทำงานหนัก ต้องมาขยายตัว กว่า 70 %
ทำให้เกิดอาการ คลาด ของกระเพาะ โดยไม่จำเป็นอีกด้วย

6.อาหารที่บริสุทธิ์ เพียวจริๆง ไม่ผ่านกระบวนการใดๆเลย สำหรับคนใน
ชนบท อาจจะพอหาได้ แต่ถ้าคุณทำงานในเมือง มันยาก แม้ว่าในห้างสรรพ
สินค้าจะมี ให้เลือก แต่ก็แพง แล้วก็ไม่รู้ เพียว จริงรึเปล่า  เนื้อสัตว์ ก็ต้อง
มาจากสัตว์ ที่ไม่กินอาหารเม็ด ไม่มีการฉีดฮอโมนส์ เพราะเราไม่อยาก
ได้ส่วนเกิน พวกนี้มาด้วย ในความเป็นจริงทำยาก เว้นแต่ จะทำสวน ทำ
ไร่ ทำฟาร์มเอง ฆ่าหมู ฆ่าวัวกินเอง

7.มนุษย์ในปัจจุบัน ไม่ได้ต้องการ โปรตีน เพื่อไปพัฒนากล้ามเนื้อมาก
เหมือนสมัย ดึกดำบรรพย์ เราต้องการ สมอง ต้องการ พลังงาน สมองมากว่า
แล้วเราทาน คาร์บ น้อยๆ อาหารเช้าก็อดอีก สมองมันจะทำงานดีได้ยังไง
ไปทำงานก็สมอง ทึบๆไป ใครทักก็ งงๆ  คือ เราจะเอากล้ามเนื้อ ขนาดนั้น
ไปทำไม ในเมื่อเราไม่ได้ ไปล่าสัตว์ อีกแล้ว

8.การทานโปรตีนมาก ร่างกายก็ต้อง เหนื่อยในการย่อยมาก เพราะโปรตีน
ใช้พลังงานในการย่อยสูง การทานโปรตีน ไม่ควรเกิน 3.3 กรัมต่อน้ำหนัก
ตัว 1 กิโลกรัม ไม่งั้นร่างกายอาจจะมีสภาวะ อาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลียได้
เพราะปกติ มนุษย์เราจะได้รับโปรตีนไม่เกิน ความต้องการร่างกายแน่ๆ
แต่หากเน้นโปรตีนมาก มันก็เป็นอีกเรื่องนึง ที่อาจจะเกินได้
 

สรุป
ผมเคยได้ยิน หลายคน เน้นว่า หลายคน ที่ ไดเอต วิธี นี้ แล้วบอกว่าดี
ร่างกายดี แข็งแรง  ซึ่งผมก็เชื่อว่า อาจจะเป็นได้จริง เพียงแต่ ขอให้ ทำ
การ diet เพื่อเป็นทางเลือกเท่านั้น ทำแค่ช่วงสั้นๆ ไม่ทำต่อเนื่อง
จนนานเกินไป  โดยถ้าต้องการจะทำจริงๆ ควรทำการ ดัดแปลง สูตร
ไดเอต นี้ใหม่ เป็นแบบ ที่เป็นไปได้จริงๆ เพราะตัวจริงของสูตร Cave
man Diet ก็ผ่านการดัดแปลง แตกสูตร มาหลายครั้งแล้ว บางที
สูตรที่ คุณ คิด และ ดัดแปลงเอง อาจจะดีกับคุณก็ได้  แต่ทั้งนี้ ก็ขอให้ทำ
ในระดับที่ พอเพียง หากลดได้แล้ว ก็ขอให้ กลับมาทานอาหาร แบบปกติ
ที่่ร่างกายควรจะได้รับ เพราะเราไม่ใช่ มนุษย์ ถ้ำอีกแล้ว เราไม่อาจทาน
อาหาร และสารอาหาร แบบ เมื่อ 20000 ปีก่อนได้  เราห่างจากความเป็น
สัตว์มามากแล้ว เราไม่ได้ต้องการ กล้ามเนื้อ ขนาดนั้น เราต้องการใช้สมอง
ในการทำงานมากกว่า


 ฝากไว้เพียงเท่านี้ครับ ในบทต่อไป ผมจะพูดถึง การ Diet ที่เคยพูด
ถึงกันมาช่วงหนึ่ง  นั่นคือ Dukan Diet ว่ามันคืออะไร มีประโยชน์
อะไรยังไง โทษ มียังไง สำหรับบทนี้ หากมีส่วนใด ผิดพลาดประการใด
ก็ขอน้อมรับไว้แต่ผู้เดียว เนื่องจาก ผมไม่เคยใช้สูตร ไดเอต นี้ มาก่อน
เป็นแค่เพียงข้อมูลและ ทัศนะ ส่วนตัว  ขอบพระคุณครับ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น