วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2557

การออกกำลังกายชนิด Aerobic Activity Anaerobic และการเข้าสู่โหมด Anaerobic ที่เร็วเกินไป


Aerobic เป็นนการออกกำลังกาย ชนิดหนึ่ง ที่จัดอยู่ใน ระบบ Cardio ที่ผมเคยพุดไปแล้วในบทก่อน การออกกำลังกาย ชนิด Aerobic เป็นการออกกำลังกาย ที่กล้ามเนื้อนั้นมีความต้องการ ออกซิเจน อย่างรวดเร็วเพื่อ ไปเผาผลาญพลังงาน Fat เพื่อนำไปใช้ให้ทันต่อความต้องการใช้ของร่างกาย

การออกกำลังกาย แบบ aerobic นั้นเป็นการออกกำลังกายโดย มีการเร่งอัตราการเต้นของหัวใจ ให้เพิ่มขึ้นกว่าปกติ ซึ่งในภาวะ ที่อยู่สถานะของการพัก ร่างกายคนเราทั่วไปจะมีอัตรา การบีบ คลายตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ ที่ 80 ครั้งต่อ นาที ในช่วงพัก ซึ่งการเร่งกระบวนการบีบ คลายของ กล้ามเนื้อหัวใจให้มากขึ้น เพื่อที่จะสูบฉีด ออกซิเจนไปกับ กระแสเลือด  ในการหายใจเข้าของคนเรานั้น จะมีการหายใจเอาอากาศ เข้าไป เพื่อแยก เอา ออกซิเจน  20% เข้าสู่ร่างกาย ผ่านทางกระแสเลือด ผ่านถุงลม ที่ทำหน้าที่ส่งผ่าน กระแสเลือดที่มี ออกซิเจน ไปทำหน้าที่เลี้ยงหัวใจ เมื่อหัวใจมีเลือดไปเลี้ยงจนพอแล้วก็จะทำหน้าที่ บีบตัว เพื่อส่งผ่าน เลือดที่มี ออกซิเจน นี้ไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย จนครบแล้ว จึงกลับมาที่หัวใจอีกครั้ง เพื่อเริ่มกระบวนการนี้อีกครั้ง

ความสามารถในการใช้ ออกซิเจน

ความสามารถในการใช้ออกซิเจน หรือที่เรียกว่า oxygen Consumption  ในคนปกติ นั้นจะอยู่ที่ 35 มิลลิลิตร ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ต่อ 1นาที ซึ่งหาก ความสามารถในการ ใช้ ออกซิเจน ของร่างกายมีสูงมากขึ้น เช่นใน นักกีฬา ที่มีกการฝึกฝนมาอย่างสม่ำเสมอ ก็อาจจะมี ความสามารถ ในการใช้ออกซิเจนได้เป็น 2 เท่าของคนปกติ จึงเป็นที่มาของ พลังงาน และความทนทานในการออกกำลังกาย ได้นานกว่า คนทั่วไป

การออกกำลังกาย แบบ arobic ซึ่งเป็นการออกกำลังกาย ที่พัฒนากล้ามเนื้อหัวใจ ให้มีการ  บีบ และคลายตัว ได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น ในนักกีฬาที่ ออกกำลังกายมาอย่างสม่ำเสมอนั้น ร่างกายจะมีกะบวนการ บีบ คลายตัวของหัวใจที่น้อยกว่าคนปกติ เช่น จะมีการ บีบ และคลายตัวของ หัวใจ ในภาวะ ปกติ ที่เป็นการพัก เพียงแค่ 40 ครั้งต่อนาที  ซึ่งในคนปกติ นั้น จะมีถึง 80 ครั้ง ใน 1 นาที ซึ่งคนที่มีการบีบ คลายตัวของหัวใจที่ดีกว่า และจำนวนครั้ง ในการบีบคลายตัว ที่น้อยกว่า คนปกติ ก็จะเหนื่อยได้ยากกว่าคนทั่วไป เนื่องจาก หัวใจที่มีกำลัง และความแข็งแรง ทำให้กระบวนการส่งผ่านออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพที่มากกว่า

anaerobic Exercise  

anaerobic เป็นการออกกำลังกาย ชนิดที่ ร่างกาย ไม่ได้ใช้ ออกซิเจนใน การเผาผลาญพลังงาน แทน ซึ่งการเข้าสู่โหมดที่เรียกว่า anaerobic นั้น ในแต่ละคนจะไม่เท่ากัน และก็ไม่สามารถวัดได้แน่ชัดว่า แต่ละคนจะเข้าสู่โหมดนี้เมื่อไหร่ การเข้าสู่ โหมด anaerobic นั้นเป็นภาวะ หนึ่งที่ร่างกายไม่สามารถที่จะส่งออกซิเจนไปเลี้ยง ไมโตรคอนเดรีย ที่อยู่ในกล้ามเนื้อได้ทัน จึงทำให้ กล้ามเนื้อ หันไป เผาผลาญ พลังงาน ที่อยู่ใกล้ตัว นั้นคือ ไกลโคเจน ซึ่งก็คือ กลูโคสที่ เหลือจากการใช้งานของร่างกาย แล้วสะสมอยู่ใน มวลของกล้ามเนื้อนั่นเอง การอยู่ในโหมด anaerobic นั้นผลทำให้ กรด แลคติค ที่มีผลทำให้ร่างกายเกิดความปวดเมื่อ ขึ้นมาตามกล้ามเนื้อ

การเข้าสู่โหมด anaerobic 

ในแต่ละคนจะไม่มีความเท่ากัน ไม่สามารถไปวัดได้ว่า เข้าสู่โหมด anaerobic เมื่อไหร่ ซึ่ง การออกกำลังกายใน แบบ arobics ก็ อาจจะเข้าสู่โหมด anaerobic ได้หาก มีความแรงที่เพิ่มขึ้น  ในคนที่ไม่เคยออกกำลังกาย จะเข้าสู่โหมด anaerobic ได้เร็วกว่า คนที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

การเข้าสู่โหมด anaerobic ได้เร็ว ในคนที่ไม่เคยออกกำลังกาย ทำให้การเผาผลาญพลังงาน ได้น้อยกว่า เนื่องจาก การที่คนไม่เคยออกกำลังกาย หันมาออกกำลังกายในตอนแรก อาจจะออกกำลังกาย เบาๆ ในแบบ arobic  แต่พอทำไปไม่นานก็เข้าสู่โหมด anaerobic ซึ่ง เป็นการเผาผลาญเอากลัง ไกลโคเจน ภายในกล้ามเนื้อแทน ทำให้เกิดภาวะการปวดเมื่อยอย่างรวดเร็ว และไม่สามารถนำไขมันออกมาใช้ได้ อย่างที่รู้กันว่า การ ออกกำลังกายในแบบ arobic นั้นเป็นการ นำเอา พลังงาน ไขมันมาใช้โดยตรง เนื่องจาก ร่างกาย สันดาปได้ทัน แต่เมื่อ คนที่ ไม่เคยออกกำลังกาย มาออกกำลังกาย ไม่นานก็เข้าสู่โหมด anaerobic ซึ่งไปเผาผลาญ พลังงานรูปอื่น อย่างไกลโคเจน แทน และ ยังเกิด กรด แลคติด ที่นำมาซึ่งอาการปวดเมื่อยอีก จึงทำให้การลดน้ำหนัก ในคนอ้วน ที่ไม่เคยออกกำลังกาย เป็นไปได้ยาก เพราะการเข้าสู่ โหมด anaerobic ที่เร็วเกินไป

การทำ HIIT ซึงถือเป็นการ ออกกำลังกาย arobic แล้วสลับไปเป็น anaerobic นั้น เป็นการฝึกให้ร่างกายมีความทนทานต่อ โหมด anaerobic และยังเร่งการเผาผลาญที่เพิ่มขึ้น เนื่องจาก เพิ่มความสามารถในการใช้ ออกซิเจน ที่มากขึ้นของร่างกาย อีกทั้งยัง ทำให้ร่างกาย สามารถ ขจัด กรดแลคติก ที่เป็นที่มาของความปวดเมื่อยได้ดีขึ้น จึงทำให้ร่างกายมีความทนทาน และ อึด ถึกขึ้นกว่าเดิม

ในบทนี้ผมขอ อธิบาย arobic และ anaerobic และการเข้าสู่ โหมด anaerobic เพื่อให้ทุกท่านที่ได้มาอ่าน ได้นำไปปรับใช้ และสามารถเข้าใจได้ว่า การเข้าสู่โหมด anaerbic ที่เป็นที่มา ของอาการปวดเมื่อย และ การลดน้ำหนักที่ทำได้ยากเนื่องจาก แทนที่จะไปเผาผลาญเอากับไขมัน แต่ไปเผาผลาญกับ สิ่งอื่นแทน  ในบทนี้ผมก็ขอจบเพียงเท่านี้ซึงในบทต่อไป ผมจะมาพูดถึง เรื่องอะไร ขอผมไปคิดก่อนนะครับ

ขอบพระคุณครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น