วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2559

ลดอาการบาดเจ็บจากออกกำลังกาย คุณก็ทำได้เหมือนกัน

ลดอาการบาดเจ็บ จากการออกกำลังกายคุณก็ทำได้เหมือนกัน

สำหรับหลายๆคน ที่เน้น การออกกำลังกาย เพื่อการ ลดน้ำหนัก สิ่งที่มักจะลืมไป ก็คือ ร่างกายของเรา มันมี ลิมิตของมันเอง การลดน้ำหนัก ที่หักโหม การเข้าฟิตเนส ทุกวัน ก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ลืมไปหรือเปล่า ว่า อาการบาดเจ็บ ที่ตามาจากการ พยายาม ฝืนตัวเองนั้นก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ที่เราก็ไม่ควรมองข้ามเหมือนกัน


การออกกำลังกาย โดยไม่ระมัดระวัง จะส่งผลให้กล้ามเนื้อของคุณได้รับบาดเจ็บ อาการบาดเจ็บจากการเล่น ฟิตเนส มาจากหลายสาเหตุด้วยกัน

สาเหตุอาการบาดเจ็บจากการ ออกกำลังกาย

1.จากการเล่นที่ไม่ถูกวิธี ไม่ถูกท่า

2.เล่นในขณะที่ร่างกายไม่มีความพร้อม พักผ่อนไม่พอ กินไม่พอ

3.การฝึกกล้ามเนื้อที่ซ้ำซ้อนกัน เช่น ฝึกท่าที่มีการใช้ กลุ่มกล้ามเนื้อ กลุ่มเดียวกันซ้ำซ้อนกัน

4.ใช้น้ำหนักที่เกินกำลังตัวเอง ไม่ได้คำนวณ น้ำหนักที่เหมาะสมไว้

5.ใช้เวลาในการเล่นที่นานเกินไป จนร่างกายมีอาการล้า

6.ทัศนะคติที่ผิดๆ เช่น การเวต คือ การสร้างกล้ามเนื้อ ทั้งที่มันคือการทำลายกล้ามเนื้อ แต่การนอนพักผ่อน การกิน ตังหากที่สร้างกล้ามเนื้อ

7.ไม่ได้คำนึง น้ำหนักตัวเอง กับกิจกรรมที่ทำ ลืมไปว่า น้ำหนักตัวเองมากแค่ไหน (แม้ว่าคุณจะเป็นนักกีฬา แต่อย่าลืมว่า คนเล่นเวต น้ำหนักมันมาก ให้นึกว่าคนเล่นกล้ามไม่ต่างกันคนอ้วน บางคนลืมไปว่า น้ำหนักตัวเองมากแค่ไหน )

8.จัดกิจกรรม ไม่เหมาะสม จัดกิจกรรม ที่ทำไม่เหมาะสม เช่นการจัดตารางการฝึก ที่ซ้ำกับคนอื่น หรือว่า จัดตามที่คนอื่นเค้า ให้มา โดยลืมคิดว่า เราอาจเป็นมือใหม่ หรือ อุปกรณ์ ที่เรามี ไม่ได้เหมือนคนอื่น หรือ วันเวลาในการ ที่เราจะออกกำลังกาย อาจจะไม่เหมือนเขา

*ตารางเวต ไม่ใช่ของ โหลๆ ที่จะทำกันได้ง่ายๆ หรือ เอามาจาก ตำรา หรือเห็น เทรนเนอร์ดังๆบอกว่าทำยังงี้นะ แล้วจะได้ผลดีเหมือนกัน มันไม่ใช่เลย การจัดตารางเวต นั้นต้องคำนึงถึง เวลาที่จะออกกำลัง  ความสดของกล้ามเนื้อ  อุปกรณ์ที่ใช้ในการเวต  ความถี่ในการฝึก  Confuse

*ConFuse คือการทำให้กล้ามเนื้อ สับสน ไม่จดจำ หรือเคยชิน การใช้งาาน เพราะกล้ามเนื้อ จะพยายามที่จะจดจำ ซึ่งหาก มันเคยชินเสียแล้ว การพัฒนาจะเป็นไปได้ยาก และไม่ดีเท่าที่ควร



9.ไม่เข้าใจ จังหวะการหายใจ การหายใจ ในช่วงที่ เวต โดยหลักแล้ว จะ หายใจออกในขณะที่ ออกแรง และ หายใจเข้าในจังหวะ ผ่อนแรง แต่ก็มีข้อยกเว้นในบางกรณี การหายใจผิดทำให้เกิดการหน้ามืด การละเลย การควบคุมการหายใจ จะทำให้ผู้ฝึกมีปัญหาได้

10.ความใจร้อน ไม่ทำไปตามขั้นตอน ไม่ยึดตารางการฝึก ที่จัดมาอย่างถูกต้องแล้ว อยากข้ามขั้น ไม่ฝึกพื้นฐาน เพราะนึกว่าตัวเองพร้อม ไหวแล้ว ก็จะตามมาด้วยความบาดเจ็บ

11.แก้ตารางการฝึกเอง เก่งกว่าครู ครูสอนมา แต่ก็เก่งกว่า แก้ตารางการฝึกเองได้ แก้จำนวนครั้ง แก้จำนวนวัน แก้ทุกอย่าง ยกเว้นแก้ตัวเองให้ดีขึ้น

12.ใส่ใจตัวเอง น้อยกว่า ตารางฝึก จำไว้ว่า ร่างกายเราเป็นตัวบอกว่า ไหวหรือไม๋ ถ้าหากละเลย คำเตือนของร่างกาย ยังจะฝึกทั้งที่ ร่างกายเราเตือน แล้วก็อาจจะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บ หรือ ป่วยตามมาได้ ดังนั้น ถึงแม้เราจะยึดตารางฝึก อย่างดี ก็จริง แต่หากว่า ร่างกาย เตือน เราต้องฟัง ถึงแม้ว่า จะไม่ใช่วันหยุด วันพัก แต่หากร่างกาย มันบอกว่า วันนี้ ไม่ได้จริงๆ ก็จงทำตาม และฟัง อย่ารู้สึกผิด เพราะระยะเวลาในการฝึกยังมีอีกมาก หากบาดเจ็บไป มันหมายถึง หยุดยาว

13.ไม่ให้ความสำคัญกับการ วอร์ม กล้ามเนื้อ และร่างกาย หรือจัดลำดับ การวอร์ม และการยืดเหยียดผิด
การวอร์มร่างกาย ก่อน และ หลังจากออกกำลังกาย มีผลต่อหัวใจ ซึ่งอาจจะส่งผลให้ หัวใจวายตายได้ โดยที่ หลายคนไม่รู้

*การวอร์มร่างกาย ไม่ใช่แค่สิ่งเล็กน้อย เพราะในเวลาที่เราออกกำลังกาย หัวใจสูบฉีดเลือดเข้าสู่กล้ามเนื้อ เมื่อเราออกกำลังกายเสร็จ แล้วหยุดในทันที ไม่ได้วอร์มก่อนจะเลิกเล่นกีฬา จะทำให้เลือดที่ หัวใจสูบฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อ ยังคง ค้างอยู่ในกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อ เกิดอาการปวดเมื่อย ทั้งยังมีผลกับหัวใจ อีกด้วย เพราะเลือดที่หัวใจสูบฉีดออกไปยังกล้ามเนื้อ เมื่อกล้ามเนื้อ หยุดการบีบ คลายตัวในทันที เลือด ที่หัวใจ สูบฉีดไป ไม่ได้กลับมาสู่หัวใจ ทำให้ หน้ามืด และ เกิดหัวใจวาย เสียชีวิตได้ ผลของการไม่วอร์ม มีทั้งอย่างเบา คือ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ  หน้ามืด ไปจนถึงหัวใจวายตาย

*ไม่วอร์มร่างกายก่อนออกกำลังกาย ทำให้ กล้ามเนื้อ ตึงแข็ง ไม่ยืดหยุด ทำให้เกิดอาการฉีกขาด ของกล้ามเนื้อ การวอร์มทำให้กล้ามเนื้อ มีอุณหภูมิอุ่นขึ้น และยืดหยุ่นตัวได้ดีขึ้นเหมือนสปริง

*การจัดลำดับการ วอร์ม และยืดเหยียด ผิด  เราต้องทำการ วอร์ม ก่อน แล้วค่อยออกกำลังกาย เราไม่ ยืดเหยียดก่อน การวอร์ม เพราะจะทำให้ กล้ามเนื้อฉีก หรือมีปัญหาได้ เพราะกล้ามเนื้อ หากยังไม่วอร์ม เราไปยืดเหยียดมัน ก็อาจจะทำให้เกิดการบาดเจ็บได้


*การจัดลำดับการขั้นตอนการออกกำลังกาย

1.ให้วอร์มก่อน 5-10 นาที ในช่วงวอร์ม สามารถ ยืดเหยียด ร่างกายได้เล็กน้อย เท่านั้น และไม่ ยืด ค้างไว้ ยืดแล้วให้ ผ่อนคลายคืน ทันที ไม่ค้างท่ายืดเหยียดไว้นานเกิน 10 วินาที 

2.ออกกำลังกาย หลังจาก วอร์ม จนร่างกายอุ่นแล้ว จะช่วยลดปัญหา อาการบาดเจ็บ ของกล้ามเนื้อ และ เส้นเอ็น ได้ดีขึ้น เพราะ มีความอ่อนตัวมากขึ้นของ กล้ามเนื้อ และเส้นเอ็น

3.หลังจาก จบการออกกำลังกายแล้ว ควรที่จะ ผ่อนการออกกำลังกายลง โดย ออกกำลังกาย ให้เบาลง ทีละ น้อย ไล่ ไปจน จบการ ออกกำลังกาย ชุดนั้น  ประมาณ 5 นาที แล้วค่อยหยุด เพื่อการ ไล่เลือด ที่คั่งค้าง อยู่ใน กล้ามเนื้อ กลับเข้าสู่หัวใจ 

5.ผ่อนคลายลมหายใจ การผ่อนคลายลมหายใจ โดยการ สูดลม เข้าให้ ลึกแล้วค่อยๆ คลายออกอย่างช้าๆ เป็นการ เพิ่มพลังให้แก่กล้ามเนื้อ และ ร่างกาย โดยหลักการ เพิ่ม ลมเข้าไป และ เป็นการฝึกการหายใจ ให้ลึก และช่วยคลาย ความเครียด และ วิตกกังวลได้ 

6.ยืดเหยียด คลายกล้ามเนื้อ ก่อน จบ เป็นครั้งสุดท้าย โดย จะยืดเหยียด ค้างไว้ เกิน 10 วินาที แนะนำว่า ถ้าเป็นไปได้ สามารถ นำเอา โยคะ หรือ DMX มาใช่ ร่วมด้วยได้ เพื่อประโยชน์ ในการบริหาร ที่มากขึ้น


ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการ เล่น Fitness ที่อาจจะนำพามาซึ่ง อาการบาดเจ็บจากการเล่นของคุณได้

การเล่น fitness จำเป็นต้องพัก เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูตัวเอง ให้ทัน ต่อการฝึกครั้งต่อไป  หากว่า มีการฝึกที่หนักมาแล้ว ก็ควรที่จะมีวันที่เบา และวันที่พัก ด้วย  หากเวต มาหนักแล้ว อาจจะเปลี่ยนกิจกรรม ทางกาย เป็น อะไรที่เบาๆ แต่ได้ใช้พลังงาน แทนการ เวต บ้าง อาจจะทำให้ร่างกายยังคงออกกำลังกายได้อย่างต่อเนื่อง แต่ผ่อนคลายลงบ้าง

*ความเคียด หรือ กดดัน ที่ร่างกายมี โดยที่ตัวผู้ฝึกไม่รู้ ล้วนมีผลต่อการบาดเจ็บ และอาการ Over Training ความเคียด ที่หมายถึง คือความกดดัน ที่มีในกล้ามเนื้อ ในร่างกาย เราไม่ได้พูดถึง ความเครียด ที่ในความคิด ของคุณ ความเคียด ที่พูดถึง คือความกดดันของร่างกาย ร่างกายที่ได้รับการกดดันมากๆ จะเกิด ความเคียดไม่รู้ตัว บางคน นั่งทำงานนานๆ ไม่รู้ว่าเกิดแรงกดดัน ขึ้นภายในร่างกาย ทั้งที่ทำงานก็มีความสุข แต่ แรงเคียด ที่มันกระทำกับ ร่างกาย ของเราได้เกิดขึ้นแล้ว และมันนำมาซึ่งความอ่อนเพลีย ซึ่งเป็น หนึ่งในโรค  ต่อมหมวกไตล้า ทำงานผิดปกติ ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย อย่างไม่ทราบสาเหตุ เหนื่อตลอดเวลา เนื่องจากการทำงานของร่างกาย ผิดปกติ



*ต่อมหมวกไต ( Adernal Gland) เป็นอวัยวะรูปสามเหลี่ยม ที่หุ้มอยู่บริเวณขั่วไต สองข้าง โดยเป็น อวัยวะที่สำคัญ มีหน้าที่สร้างฮอร์โมนหลายชนิดของร่างกาย  ต่อมหมวกไตล้า ทำให้เกิดภาวะ ที่ร่างกายไม่สมบูร์ณ เต็มที่ เหนื่อยง่าย อ่อนเพลียตลอดเวลา สาเหตุ จากความเครียดจากการคิดมาก ความเครียดจากการทำงาน หรือการตรากตรำในการใช้ร่างกาย ซึ่งผมรวมไปถึงการ เวตเทรนนิ่ง การออกกำลังกายที่มากเกินไป ซึ่งทั้งหมดนี้ ทำให้ เรารู้สึก อ่อนเพลีย เหนื่อยตลอดเวลา แต่ก็แก้ไขไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าทำไม นึกว่าออกกำลังกายแล้วจะแข็งแรง แต่ทำไมมันแย่ลง

โดยมากปัญหาอาการบาดเจ็บ ของร่างกายจะเกิดขึ้นกับ ข้อต่อ และกล้ามเนื้อ มากกว่า ซึ่งมักมาจาก ความไม่พร้อม และการออกกำลังกาย โดยไม่ประเมินตัวเอง


หากเกิดปัญหา เกี่ยวกับน้ำหนักตัว ในการออกกำลังกาย ควรใช้ อุปกรณ์ ที่ลดแรงกระแทก หรือเลือกกิจกรรมทางการ ที่เหมาะสม เช่นการว่ายน้ำ

สำหรับบทนี้ พอดีผมได้อ่านหนังสือ แล้วเจอ นายแพทย์คนนึง พูดึง การบาดเจ็บ จากการออกกำลังกาย ก็เลยนึกว่า มันก็เป็นสิ่งที่ควรพูดถึง ก็เลย ลองมาเรียบเรียงเนื้อหา ดูว่า มีสิ่งไหนที่เราเคยเจอ แล้วอยากจะ พูดถึงเรื่องนี้บ้าง ก็เลย นำมาเขียน จากประสพการณ์ตัวเอง สำหรับบทนี้ หากมีความผิดพลาด เพราะผู้เขียน มีความรู้ ไม่ดีพอ ก็ขออภัยด้วยนะครับ

ขอบพระคุณครับ


TanYa Naghten